สวัสดีครับ เพื่อนๆ หลังจากที่ผมได้รับการติดต่อจากคุณโบว์ ถึงเรื่องการให้สัมภาษณ์ถึงเรื่อง สถานประกอบการที่ควรรับคนพิการเข้าทำงาน มุมมองที่คนพิการมีความสามารถ เพื่อไปทำเป็นวีดีทัศน์เปิดงาน "เปิดประตู เปิดใจ.....คนพิการทำอะไรได้มากกว่าที่คิด" ซึ่งส่วนตัวแล้ว ถือว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้แสดงความคิดเห็นในมุมมองที่ตัวผมเองได้ประสบมากับตัว โดยผมได้ให้มุมมองที่วัฒนธรรมทางความคิดที่ว่า คนทุพพลภาพนั้นไม่มีความสามารถ ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ทั้งๆ ที่ตัวผมเองก็ยังมีสมองอยู่ สามารถทำงานบริหารจัดการได้
แต่ระเบียบของบริษัทนั้น เมื่อพนักงานกลายเป็นคนทุพพลภาพ ทำไมต้องให้ออกจากงานสถานเดียว ผมคิดว่าควรมีกระบวนการพิจารณาก่อนว่า คนพิการ หรือทุพพลภาพ ซึ่งเดิมเคยเป็นเจ้าหน้าที่ของสถานประกอบการนั้น ยังมีควาสามารถที่จะทำงานอยู่หรือไม่ ภาวะจิตใจเป็นอย่างไร สำคัญที่สมุดคือ ความช่วยเหลือ การมีจิตเมตตาของฝ่ายบริหาร หรือเจ้าของกิจการ ส่วนตัวคิดว่า การดำเนินธุรกิจ ไม่ใช่เพียงผลกำไรอย่างเดียว มันยังมีเหตุผลอีกหลายอย่างที่คุณจะอยู่ในธุรกิจ และสังคมได้อย่างสง่าผาเผย (Smart) แน่นอนหนึ่งนั้น คือการให้โอกาสผู้อื่น โดยเฉพาะกับลูกน้องของตัวเอง ที่เคยทำงานให้กับองค์กรของคุณ คุณจะทราบดีว่า คนๆ นี้ ดีชั่ว อย่างไร ขยันขันแข็งไหม ความสามารถระดับใด
ผมคิดว่า ระดับของเจ้าของกิจการที่อยู่มาถุึงทุกวันนี้ได้ ต้องไม่ธรรมดา ลองเปลี่ยนมุมมองสักนิด มันเป็นความื้าทาย ที่มีคำตอบดีๆ รออยู่ข้างหน้า ถ้าผู้บริหารต่างๆ จะสามารถลองใช้ความสามารถในการบริหารจัดการพนักงานคนพิการเข้าทำงาน ในองค์กรของคุณจะเต็มไปด้วย ความจงรักภักดีจากพนักงาน และแรงบันดาลใจ เต็มไปหมด
ภาพบรรยากาศการสัมภาษณ์
วันนี้แต่งตัวเรียบร้อยหน่อยครับ
ถ่ายภาพคู่กับทีมงาน และคุณโบว์ (คนที่ 2 จากขวา) ครับ
วันนี้เป็นอีกวันที่ ได้นำเสนอแนวคิดี่ตัวผมเอง คิดไว้ตลอดว่า อยากเผยแพร่แนวคิดนี้นะครับ ผมหวังว่าสังคมไทยจะค่อยๆ เปลี่ยนวัฒนธรรมทางความคิดที่ว่า คนพิการ และคนทุพพลภาพ นั้นจะมีประสิทธิภาพด้อยกว่าคนไม่พิการ เพราะว่า คนพิการนั้นมีสิ่งที่มีค่ามากที่สุด ที่นายจ้างต้องการ คือ "เวลา" ผมมั่นใจว่า ผู้บริหารเข้าใจดี ธุรกิจตัดสินกันที่เวลา การใช้เวลา การบริหารเวลา การช่วงชิงจังหวะจากเวลา เวลาที่ได้โอกาส คนพิการมีเวลามอบให้นายจ้างทุกคน และคุณจะได้สิ่งนี้จากพวกเขาครับ
ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
คนทุพพลภาพมืออาชีพ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
คนทุพพลภาพมืออาชีพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น